วันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

พระราชบัญญัติรายได้เทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๗

                                                         


                                                          พระราชบัญญัติรายได้เทศบาล
                                                                      พ.ศ. ๒๔๙๗
                                                                           ------
                                                                ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
                                                ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๙๗
                                                           เป็นปีที่ ๙ ในรัชกาลปัจจุบัน

   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูิมพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า
   โดยที่เป็นการสมควรให้มีกฎหมายว่าด้วยรายได้เทศบาลจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภาผู้แทนราษฎร ดังต่อไปนี้


   มาตรา ๑  พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติรายได้เทศบาล พ.ศ.๒๔๙๗"

   มาตรา ๒*  พระราชบัญญัตินให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถ้ดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

   มาตรา ๓  ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติปันรายได้บำรุงเทศบาล พุทธศักราช ๒๔๗๙ และบรรดากฎหมาย กฏ และข้อบังคับอื่น ๆ ในส่วนที่มีบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับบทแห่งพระราชบัญญัิตินี้

   มาตรา ๔  ภาษีโรงเรือนและที่ดินในเขตเทศบาลใด ให้เทศบาลนั้นจัดเก็บเป็นรายได้ของเทศบาล ตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น

   มาตรา ๕  อากรการฆ่าสัตว์และผลประโยชน์อื่นเนื่องในการฆ่าสัตว์ในเขตเทศบาลใด ให้เทศบาลนั้นจัดเก็บเป็นรายได้ของเทศบาล ตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น

   มาตรา ๖  บรรดาค่าใบอนุญาต ค่าธรรมเนียม และค่าปรับเนื่องในกิจการซึ่งเทศบาลได้รับมอบให้เป็นเจ้าหน้าที่อนุวัตการตามกฎหมายใด้ให้เป็นรายได้ของเทศบาลนั้น

   มาตรา ๗  ภาษีป้ายตามประมวลรัษฎากร สำหรับป้ายซึ่งแสดงไว้ในเขตเทศบาลใด ให้เทศบาลนั้นจัดเก็บเป็นรายได้ของเทศบาลตามประมวลรัษฎากร ตั้งแต่ปีภาษี ๒๔๙๘ เป็นต้นไป

   มาตรา ๘  ภาษีบำรุงท้องที่ตามประมวลรัษฎากรในเขตเทศบาลใด ให้เทศบาลนั้นจัดเก็บเป็นรายได้ของเทศบาลตามประมวลรัษฎากร ตั้งแต่ปีภาษี ๒๔๙๗ เป็นต้นไป

   มาตรา ๙  ในการปฏิบัติการตามมาตรา ๔ มาตรา ๕ มาตรา ๖ มาตรา ๗ และมาตรา ๘ ให้เทศบาลมีอำนาจแต่งตั้งเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการ และให้เจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับแต่งตั้งมีอำนาจและหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น  ในการบังคับเรียกเก็บภาษีค้างตามมาตรา ๗ และมาตรา ๘ ให้นายกเทศมนตรีมีอำนาจเช่นเดียวกับผู้ว่าราชการจังหวัดตามมาตรา ๑๒ แห่งประมวลรัษฎากร

   มาตรา ๑๐ การจัดสรรภาษีและค่าธรรมเนียมรถยนต์หรือล้อเลื่อนที่จัดเก็บได้ในจังหวัดใด ให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยการนั้น
  
   มาตรา ๑๑  บรรดาข้าวเปลือก ข้าวกล้อง ข้าวขาว รวมตลอดถึงปลายข้าว และ รำข้าว ซึ่งต้องเสียอากรขาออกตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร ผู้ส่งออกต้องเสียภาษีบำรุงเทศบาลก่อนส่งออกอีกในอัตราดังต่อไปนี้้

   (๑) ข้าวกล้องและข้าวขาว หนึ่งร้อยกิโลกรัมตัอหนึ่งบาท
   (๒) ข้าวเปลือก ปลายข้าว และรำข้าว หนึ่งร้อยกิโลกรัมต่อห้าสิบสตางค์

   ในการคำนวณน้ำหนักเพื่อเสียภาษีบำรุงเทศบาลตามมาตรา เศษของหนึ่งร้อยกิโลกรัม ถ้าถึงห้าสิบกิโลกรัมให้นับเป็นหนึ่งร้อยกิโลกรัม ถ้าไม่ถึงห้าสิบกิโลกรัมให้ปัดทิ้ง

   มาตรา ๑๒  เทศบาลมีอำนาจออกเทศบัญญัติเก็บภาษีอากร และค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นไม่เกินร้อยละสิบของภาษีอากร และค่าธรรมเนียมดังต่อไปนี้ได้ทุกประเภท หรือเพียงบางประเภท คือ
   (๑) ภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากร ซึ่งสถานการค้าอยู่ในเขตเทศบาล
   (๒) ภาษีการซื้อโภคภัณฑ์ตามประมวลรัษฎากร ซึ่งสถานที่ค้าโภคภัณฑ์อยู่ในเขตเทศบาล เว้นแต่น้ำมันเบนซิน
           
   (๔) ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขายสุรา ซึ่งร้านขายสุราอยู่ในเขตเทศบาล
           
   (๖) ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตการพนันตามกฎหมายว่าด้วยการพนัน ซึ่งสถานที่เล่นการพนันอยู่ในเขตเทศบาล
   (๗) อากรมหรสพ ตามประมวลรัษฎากร ซึ่งสถานที่มหรสพอยู่ในเขตเทศบาล ในการเสียภาษีบำรุงเทศบาลตามมาตรฐาน เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง
 

   มาตรา ๑๓  น้ำมันเบนซินซึ่งสถานที่ค้าโภคภัณฑ์อยู่ในเขตเทศบาลใด้ให้เทศบาลนั้นมีอำนาจออกเทศบัญญัติเก็บภาษีบำรุงเทศบาลได้ไม่เกินลิตรละห้าสตางในการให้ถือว่าภาษีดังกล่าวเป็นภาษีการซื้อโภคภัณฑ์ตามประมวลรัษฎากร

   มาตรา ๑๔  ภาษีอากร และค่าธรรมเนียมตามมาตรา ๑๑ และมาตรา ๑๒ให้ถือเป็นภาษีอากร และค่าธรรมเนียมตามกฎหมายนั้น ๆ  เทศบาลจะมอบให้กระทรวง ทบวง กรม ซึ่งมีหน้าที่จัดเก็บภาษี อากรหรือค่าธรรมเนียมตามมาตรา ๑๑ มาตรา ๑๒ หรือมาตรา ๑๓ เรียกเก็บภาษีอากร หรือค่าธรรมเนียมเพื่อเทศบาลก็ได้ในกรณีเช่นว่านี้เมี่อได้หักค่าใช้จ่ายตามที่กำหนดในกฎกระทรวงแล้วให้ส่งมอบให้แก่เทศบาลนั้น ๆ เว้นแต่ภาษีบำรุงเทศบาลตามมาตรา ๑๑ ให้ส่งมอบให้กระทรวงมหาดไทยเพื่อจัดแบ่งให้เทศบาล ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง

   มาตรา ๑๕  นอกจากรายได้ของเทศบาลตามพระราชบัญญัิตินี้แล้ว เทศบาลอาจได้รับรายได้เป็นเงินอุดหนุนจากงบประมาณแผ่นดิน

   มาตรา ๑๖  ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ เท่าที่เกี่ยวกับอำนาจและหน้าที่ของตน   กฎกระทรวงนั้น เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้


ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
   จอมพล ป. พิบูลสงคราม
         นายกรัฐมนตรี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น